วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วันเข้าพรรษา








วันเข้าพรรษา



ศาสนาเปรียบเสมือนเข็มทิศที่คอยบอกนำทิศทางที่ถูกต้องแก่มนุษย์ ชนทุกกลุ่มล้วนต้องมีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจด้วยกันทั้งสิ้นเพื่อให้ชีวิตมีแนวทางที่ดำเนินไปในทางที่ดีที่เหมาะสม เช่นเดียวกับ ศาสนาพุทธ ที่มีพระธรรมคำสอนให้ชาวพุทธได้ยึดและปฏิบัติเป็นระยะเวลานานกว่า ๘๐๐ ปี วันสำคัญต่างๆทางพระพุทธศาสนา คือวันที่มีเหตุการณ์ที่สำคัญอันเกิดขึ้นเนื่องด้วยพระรัตนตรัย ซึ่งเหตุการณ์ที่สำคัญดังกล่าว เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่พุทธศาสนิกชนให้น้อมรำลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย เพื่อหลอมรวมจิตใจพุทธศาสนิกชนทุกคนให้ประพฤติปฏิบัติให้เป็นไปในทางที่ถูกต้องและดีงามด้วยเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เป็นเหตุให้มีการกำหนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา หนึ่งในวันสำคัญที่จะกล่าวถึงนั้นคือ วันเข้าพรรษา


ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบัญญัติพระวินัยให้พระสงฆ์สาวกอยู่ประจำพรรษา  เหล่าภิกษุสงฆ์มีหน้าที่จาริกโปรดสัตว์และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนในที่ต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ภิกษุสงฆ์จึงต่างพากันออกเดินทางเผยแผ่พระพุทธศาสนาในที่ต่างๆแม้ในฤดูฝนในขณะที่นักบวชในศาสนาอื่น พากันหยุดเดินทางในช่วงฤดูฝน การที่พระภิกษุสงฆ์ไปในที่ต่างๆ แม้ในฤดูฝนนั้น อาจเหยียบย่ำข้าวกล้าของชาวบ้านได้รับความเสียหาย หรืออาจไปเหยียบย่ำโดนสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่ออกหากินจนถึงแก่ความตาย เมื่อพระพุทธเจ้าทราบเรื่อง จึงได้วางระเบียบให้ภิกษุประจำอยู่ที่วัดเป็นเวลา ๓ เดือน ในช่วงฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ของทุกปี ถ้าปีใดมีเดือน ๘ สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม ๑ ค่ำ เดือนแปดหลัง  และออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ พระสงฆ์ที่เข้าจำนำพรรษาแล้วจะไปค้างแรมที่อื่นไม่ได้ หากเกินกำหนดนี้ถือว่าไม่ได้รับประโยชน์แห่งการจำพรรษา ถือว่าพรรษาขาด 




ชาวบ้านจึงถือโอกาสเข้าวัดถวายทาน รักษาศีลฟังธรรมและเจริญภาวนาเพิ่มพูนบุญกุศลกันมากขึ้นเมื่อถึงวันเข้าพรรษาพุทธศาสนิกชนก็จะพากันถวายเครื่องสักการบูชา ดอกไม้ ธูปเทียน และเครื่องใช้ต่างๆ เช่น สบู่ ยาสีฟัน อาหารทั้งคาวหวานและเครื่องอุปโภคที่จำเป็นแก่สมณะนำไปถวายพระภิกษุสงฆ์ใกล้บ้านตนพระภิกษุสงฆ์จะแนะนำสั่งสอนให้เกิดศรัทธาในการปฏิบัติตามหลักทานศีลและภาวนาและความไม่ประมาทในการประกอบคุณความดีอื่นๆ รวมทั้งชาวบ้านยังมีการรักษาศีลด้วยการงดอบายมุขทุกชนิดอีกด้วยนับเป็นเหตุให้มีประเพณีทำบุญเนื่องในวันเข้าพรรษาสืบเนื่องมาถึงจนปัจจุบัน




นอกจากนี้ ยังมีประเพณีสำคัญ คือ "ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษา" เนื่องด้วยในระยะเข้าพรรษา พระภิกษุจะต้องมีการสวดมนต์ทำวัตรทุกเช้าเย็น และในการนี้จะต้องมีธูป-เทียนเพื่อใช้ในการจุดบูชาด้วย พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันหล่อเทียนเข้าพรรษาสำหรับให้พระภิกษุจุดเป็นการกุศลทานอย่างหนึ่ง เพราะเชื่อกันว่าเป็นการให้ทานด้วยแสงสว่าง จะมีอานิสงส์เพิ่มพูนสติปัญญา ชีวิตพบกับหนทางสว่างไสว เมื่อหล่อเทียนเสร็จก็จะมีการแห่รอบพระอุโบสถ ๓ รอบ แล้วนำไปบูชาพระตลอดระยะเวลา ๓ เดือน บางแห่งก็มีการประกวดการตกแต่ง มีการแห่แหนรอบเมืองด้วยริ้วขบวนที่สวยงาม โดยถือว่าเป็นงานประจำปีที่สืบทอดต่อกันมา
ในปัจจุบันในยุคที่กำลังพัฒนาไปทั่วทุกด้าน สิ่งหนึ่งที่พุทธศาสนิกชนไทยควรคำนึงไว้เสมอ แม้เราจะมีพระพุทธศาสนาที่ประยุกต์กับวัฒนธรรมไทย แต่อย่าทิ้งหลักการอุดมการณ์ดั้งเดิมของพุทธศาสนา พยายามศึกษาทำความเข้าใจสาระที่แท้จริงของพระพุทธศาสนาทุกๆ ด้าน ทั้งที่เป็นศาสนธรรม ศาสนบุคคล ศาสนพิธี และ ศาสนสถาน เพื่อปฏิบัติตนอย่างถูกต้อง และสอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป พร้อมที่จะยืนหยัดและรักษาหลักการของพระพุทธศาสนาเอาไว้ ไม่ว่าสังคมจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม หน้าที่ของพุทธศาสนิกชนทุกคนควรส่งเสริม ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ต่อคู่กับสังคมไทยตลอดไปนานเท่านาน



น.ส.มาริสา วงศ์ศิริ 018                  
น.ส.สมิตานัน หวายเค 020             
น.ส.ดาริญญา ลักษณะกุลบุตร 022 
น.ส.ณัฐนิชา นุ่นลอย 025               
น.ส.ขจีพรรณ กล่อมโกมล  027      
น.ส.บีบีฮาวา เก่งกาจกุล 032          
น.ส.พิสชา กาญจนวิวิญ 033              
น.ส.ภัทริณี โพธิสระ   040               
น.ส.ชญาภา พิศาลภัทรกิจ 060 




วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สารคดีบุคคล




พันท้ายนรสิงห์ ทหารกล้าผู้ซื่อสัตย์



ความซื่อสัตย์เป็นคุณธรรมที่จำเป็นต่อทุกสังคม ไม่ว่าจะเป็นความซื่อสัตย์ในระดับไหนก็ตามก็ต้องมีการปลูกฝังหรือสอนเยาวชนรุ่นหลังให้ประพฤติปฏิบัติ ทั้งนี้เพราะคนในสังคมหากขาดคุณธรรมข้อนี้เมื่อใดสังคมก็จะเกิดความวุ่นวาย คนจะเอารัดเอาเปรียบกันและเห็นแก่ตัวมากขึ้น จนก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมาย ดังเรื่องราวที่เป็นตำนาน เล่าขานสืบต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย ต้นแบบในการยึดมั่นกฎเกณฑ์และหลักการ พันท้ายนรสิงห์ ทหารกล้าผู้ซื่อสัตย์

ในยุคสมัยของสมเด็จพระเจ้าสรรเพชญ์ที่ 8 หรือสมเด็จพระเจ้าเสือ พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง แห่งกรุงศรีอยุธยา พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีความเก่งกล้าสามารถ ทรงโปรดปรานการรบ การคล้องช้าง การล่าสัตว์ และที่สำคัญคือการชกมวย จึงมีเรื่องเล่าขานกันว่าพระองค์ได้ทรงปลอมตัวเพื่อไปชมการแข่งขันชกมวยอยู่เสมอ และหากพบบุคคลใดที่ต้องตาต้องพระทัยของพระองค์แล้วนั้นก็จะทรงมอบรางวัลให้ หรือใครบางคนที่พระองค์ชื่นชอบมากจะมีการอนุญาตให้ผู้นั้นเข้ารับราชการเป็นทหารให้วัง


พันท้ายนรสิงห์ ท่านมีนามเดิมว่า"สิงห์" เป็นชาวบ้านนรสิงห์ จังหวัดอ่างทอง มีภรรยาชื่อศรีนวล สิงห์มีความสามารถด้านการชกมวย ครั้งหนึ่งได้มีการชกมวยคาดเชือกเหมือนดังที่ผ่านมาแต่ถว่าครั้งนี้นายสิงห์ไม่รู้เลยว่าตนเองนั้นได้ชกมวยอยู่กับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินนั้นคือ พระเจ้าเสือ ภายหลังจากการต่อยมวยจบลง นายสิงห์เป็นที่พอพระทัยอย่างมากถึงขั้นมีหมายเชิญจากราชวังเรียกตัวเข้าวังให้เป็นมหาดเล็กและต่อมาได้เลื่อนเป็นราชองครักษ์เลื่อนตำแหน่งเป็น พันท้ายนรสิงห์

เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา กล่าวถึงเหตุการณ์ในพ.ศ.2246-2252 พระเจ้าเสือเสด็จประพาสปากน้ำสาครบุรี (ปัจจุบันคือจังหวัดสมุทรสาคร) ทางชลมารคด้วยเรือพระที่นั่งเอกชัยมีพันท้ายนรสิงห์เป็นนายท้ายเรือ เมื่อเรือพระที่นั่งถึงคลองโคกขามซึ่งเป็นคลองที่มีความคดเคี้ยวมากทำให้เกิดอุบัติเหตุคือหัวเรือพระที่นั่งชนกับกิ่งไม้ใหญ่แล้วหัวเรือหักทำให้พันท้ายนรสิงห์ต้องโทษถึงชีวิต พันท้ายนรสิงห์ยอมถูกประหารชีวิตเพื่อรักษากฎมนเทียรบาลไว้ พระเจ้าเสือจึงสั่งให้ประหารชีวิตแล้วสั่งให้สร้างศาลเพียงตาไว้ เหตุนี้จึงต้องสูญเสียคนดีของแผ่นดิน


ปัจจุบันศาลพันท้ายนรสิงห์ตั้งอยู่ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาครซึ่งเป็นศาลที่ได้รับการเคารพบูชาจากบุคคลทั่วไปและเป็นที่เคารพบูชาของชาวสมุทรสาครเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชาวบ้านในบริเวณนั้น ต่างเชื่อมั่นในดวงวิญญาณขององค์พันท้ายนรสิงห์ว่ามีอยู่จริงและยังคงคอยปกปักรักษาคุ้มครองลูกหลานที่ทำความดี และเรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ถึงแม้จะล่วงเลยมานานแค่ไหน แต่คุณงามความดีของท่านยังคงเป็นแบบอย่างให้กลับคนรุ่นหลังในเรื่องความเสียสละและความจงรักภักดีตลอดไปนานเท่านาน



น.ส.มาริสา วงศ์ศิริ 018                  
น.ส.สมิตานัน หวายเค 020             
น.ส.ดาริญญา ลักษณะกุลบุตร 022 
น.ส.ณัฐนิชา นุ่นลอย 025               
น.ส.ขจีพรรณ กล่อมโกมล  027      
น.ส.บีบีฮาวา เก่งกาจกุล 032          
น.ส.พิสชา กาญจนวิวิญ 033              
น.ส.ภัทริณี โพธิสระ   040               
น.ส.ชญาภา พิศาลภัทรกิจ 060 

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สารคดีประวัติศาสตร์



ลพบุรีเมืองแห่งประวัติศาสตร์และ
ศิลปวัฒนธรรม





        ประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ล้วนส่งผลมายังยุคปัจจุบันทั้งสิ้น อย่างประวัติศาสตร์แห่งตำนานเมืองลพบุรี หรือที่เมื่อ 3,000 ปีก่อนเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า เมืองละโว้ เมืองแห่งประวัติศาสตร์ แหล่งรวมศิลปวัฒนธรรมอันหลากหลาย ที่หล่อหลอมจากอดีตสู่ปัจจุบัน


ลพบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ปรากฏร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ไม่น้อยกว่า 3,000-4,000 ปี และยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีหลักฐานต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์สมัยยุคสำริด จารึกต่างๆ ฯลฯ โดยจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้ทำให้คนรุ่นหลังได้ทราบถึงอารยธรรมต่างๆมากมายของคนยุคก่อน ทั้งการแต่งกาย การฝังศพ เป็นต้น  ในสมัยประวัติศาสตร์ ลพบุรียังเป็นเมืองแห่งศิลปะวิทยาการ  ตามพงศวดารเหนือที่ได้กล่าวไว้ว่า ในอดีตทั้งพ่อขุนรามคำแหง  ราชโอรสแห่งเมืองสุโขทัย และพ่อขุนงำเมือง ราชโอรสแห่งเมืองพะเยา ต่างเสด็จมายังเมืองลพบุรีเพื่อมาศึกษาที่เขาสมอคอนอีกด้วย แต่ความรุ่งเรืองของเมืองลพบุรีก็เสื่อมลง


จนกระทั่งรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับ เมื่อปี พ..2209 และยังเสด็จประทับที่เมืองลพบุรี นานถึง 8-9 เดือนต่อปี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลพบุรีในยุคนี้เป็นยุคที่เฟื่องฟูมากที่สุด ลพบุรีในยุคนี้เปรียบเสมือนราชธานีแห่งที่ 2 รองจากกรุงศรีอยุธยา ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะเมืองลพบุรีขึ้นอีกครั้ง และโปรดให้สร้างหมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎขึ้นเป็นที่ประทับภายในพระราชวังของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช 


\
        นอกจากลพบุรีจะเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญแล้ว เมืองลพบุรียังเป็นเมืองที่เต็มไปด้านกลิ่นอายแห่งการวัฒนธรรมการดำรงชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งด้านเศรษฐกิจ เกษตรกรรม ประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุ โบราณสถาน และภูมิประเทศซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลพบุรีเป็นเมืองที่มีความหมายหลายทางอารยธรรม โดยเฉพาะบริเวณลุ่มแม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำป่าสัก น้ำสายหลักของลพบุรีที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนลพบุรีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและเอกลักษณ์ของเมืองลพบุรีนอกเหนือจากโบราณสถานและโบราณวัตถุที่สวยงามแล้ว ยังมีลิงจำนวนมากที่อาศัยอยู่บริเวณศาลพระกาฬ ซึ่งเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นเอกลักษณ์และเป็นที่มาของคำว่า เมืองลิงอีกด้วย


ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีต้นกำเนิดมาจากประวัติศาสตร์ทั้งสิ้นจะเห็นได้ว่า แม้แต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ก็ยังมีศิลปะในการดำรงชีวิต หล่อหลอมจนกลายเป็นวัฒนธรรม ที่ทำสืบต่อกันมาจนทุกวันนี้ ทำให้เมืองลพบุรีเป็นเมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ศิลปะของบ้านเมืองที่คอยแต่งแต้มสีสันให้กับผู้คน และวัฒนธรรมอันดีงามที่เติมเต็มให้กับทุกชีวิตบนดินแดนเมืองลพบุรี เมืองแห่งประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมที่งดงาม




น.ส.มาริสา วงศ์ศิริ 018                  
น.ส.สมิตานัน หวายเค 020             
น.ส.ดาริญญา ลักษณะกุลบุตร 022 
น.ส.ณัฐนิชา นุ่นลอย 025               
น.ส.ขจีพรรณ กล่อมโกมล  027      
น.ส.บีบีฮาวา เก่งกาจกุล 032          
น.ส.พิสชา กาญจนวิวิญ 033              
น.ส.ภัทริณี โพธิสระ   040               
น.ส.ชญาภา พิศาลภัทรกิจ 060 

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สารคดีท่องเที่ยว


      ตลาดน้ำคลองลัดมะยม  



 ความสุข หาได้ใกล้ๆตัว เช่นเดียวกับสถานที่ที่เราจะไปเที่ยวชมกันในวันนี้ “ตลาดน้ำคลองลัดมะยม” ตลาดน้ำใกล้บ้าน ที่กล่าวได้ว่าอยู่ในเมืองกรุง แต่ทำให้เราได้สัมผัสกับบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองราวกับอยู่ต่างจังหวัด ความรู้สึกสดชื่นในบรรยากาศแบบชนบท และนอกจากจะเป็นแหล่งรวมของอร่อยปลอดสารพิษที่ดีต่อสุขภาพให้ได้ชิม ยังมีของฝากสวยๆ เก๋ๆ ให้ได้ช้อปกลับบ้านอีกด้วย


“ตลาดน้ำคลองลัดมะยม” ตั้งอยู่ในเขตตลิ่งชัน ฝั่งธนบุรี ในอดีตพื้นที่แถบนี้เป็นพื้นที่ทำการเกษตรของชาวบ้าน แต่เมื่อถึงยุคที่ความเจริญเข้ามา การคมนาคมทางถนนมีมากขึ้น เรือกสวนไร่นาก็กลายเป็นหมูบ้านและอาคารพาณิชย์ ผู้นำชุมชนและชาวบ้านคลองลัดมะยมจึงริเริ่มหาแนวทางการอนุรักษ์วิถีชีวิตชุมชนชาวคลองลัดมะยมไว้ จึงรวมตัวกันเปิดตลาดน้ำคลองลัดมะยมในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อให้ชาวบ้านได้มีแหล่งจำหน่ายสินค้าที่ผลิตในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ อาหารขนมคาวหวาน ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน และชุมชนยังได้มีกิจกรรมร่วมกันอย่างอบอุ่น และเมื่อชุมชนต้องการนำเสนอกิจกรรมในลำคลอง ก็ต้องอนุรักษ์แม่น้ำลำคลองไว้ให้สวยสะอาดอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ได้รับรางวัลชุมชนท่องเที่ยวดีเด่นในกรุงเทพมหานคร จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีกด้วย
     
           

           


จุดเด่นของตลาดน้ำคลองลัดมะยม คืออาหารนานาชนิด ทั้งคาวและหวาน ไม่ว่าจะเป็น ปลาช่อนเผาเกลือ ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ อาหารทะเลปิ้งย่าง หมูสะเต๊ะ ขนมจีน หอยทอด ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแช่ ทอดมัน ไก่ย่าง ลูกชุบ ขนมไทยๆ เฉาก๊วยโบราณ ชากาแฟ ฯลฯ ที่มีให้เลือกรับประทานมากมายหลายชนิด นอกจากในส่วนของตลาดน้ำที่มีเรือของชาวบ้านพายมาขายแล้ว ยังมีตลาดบกซึ่งมีที่ให้นั่งทาน ทั้งแบบโต๊ะเตี้ยๆ ริมคลอง และแบบนั่งโต๊ะสะดวกสบายกว้างขวางด้วย 



นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นตลาดที่เน้นในเรื่องของงานศิลปะและของตกแต่งหลากหลายชนิด เช่น ต้นไม้ ดอกไม้ สมุนไพรไทยหายาก ร้านขายโปสการ์ด และร้านของที่ระลึกแฮนด์เมดที่น่ารักและแตกต่างจากตลาดน้ำอื่นๆ รวมทั้งมีมุมศิลปะให้เด็กๆ และครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกันด้วยการวาดภาพระบายสี หรือวาดลวดลายกระถางต้นไม้น่ารักๆ ด้วยตัวเองอีกด้วย


นอกจากของกินราคาย่อมเยามากมายแล้ว การมาเที่ยวที่นี่ยังทำให้เราได้ศึกษาวิถีชีวิตของชาวคลองด้วยการล่องเรือชมธรรมชาติ โดยใช้เวลาประมาณ 40 – 50 นาที ในราคาเพียงคนละ 20 บาทเท่านั้น บรรยากาศตลอดสองฝั่งคลองมีความเป็นธรรมชาติมาก จนไม่น่าเชื่อว่าตลาดน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองกรุง ทั้งพืชผักนานาชนิด บ้านไม้เก่าๆ และวิถีชีวิตที่ยังคงอยู่มาอย่างไม่แปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย และนี่เองคือเสน่ห์ของการมาเที่ยวชมตลาดน้ำคลองลัดมะยมแห่งนี้ 


อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะสามารถสัมผัสได้เมื่อมาถึงตลาดน้ำแห่งนี้ก็คือ ความเป็นมิตรของพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งร้องเรียกทักทายเชิญชวนให้ลูกค้ามาแวะชิมชมสินค้าอาหารแบบเป็นกันเองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านหรือลูกหลานมาขายสินค้ากันในวันหยุดหลังจากทำงานหลักในวันธรรมดา การได้เดินเล่นชิมของอร่อยในบรรยากาศที่เรียบง่ายเป็นกันเองของพ่อค้าแม่ค้าในตลาด ที่ส่งรอยยิ้มเชิญชวนให้แวะรับประทานอาหาร จึงทำให้ไม่น่าแปลกใจที่ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ตลาดน้ำแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนกันอย่างไม่ขาดสายเลยทีเดียว 







น.ส.มาริสา วงศ์ศิริ 018                  
น.ส.สมิตานัน หวายเค 020             
น.ส.ดาริญญา ลักษณะกุลบุตร 022 
น.ส.ณัฐนิชา นุ่นลอย 025               
น.ส.ขจีพรรณ กล่อมโกมล  027      
น.ส.บีบีฮาวา เก่งกาจกุล 032          
น.ส.พิสชา กาญจนวิวิญ 033              
น.ส.ภัทริณี โพธิสระ   040               
น.ส.ชญาภา พิศาลภัทรกิจ 060     

     
 

สารคดี Template by Ipietoon Cute Blog Design